
แดเนียล สเตอร์ริดจ์ เปลี่ยนตัวลงมาซัดประตูนาทีที่ 89 ช่วย "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ไล่ตามตีเสมอ "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี 1-1 ในศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 29 ก.ย. ที่ผ่านมา
ฟุตบอลพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ
วันเสาร์ที่ 29 กันยายน 2561
เชลซี 1 - 1 ลิเวอร์พูล
สนาม : สแตมฟอร์ด บริดจ์, (ลอนดอน), ผู้ชม : 40,625 คน
"สิงห์บลูส์" เชลซี เพิ่งโชว์ฟอร์มสวยบุกไปเชือด ลิเวอร์พูล มาได้หมาดๆ 2-1 ที่แอนฟิลด์ ในศึกฟุตบอลถ้วยคาราบาว คัพ (ลีก คัพ) รอบ 3 เมื่อช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา เขี่ย หงส์แดง ตกรอบไปได้สำเร็จ
นัดนี้โคจรมาล้างตากันอย่างรวดเร็วในศึกพรีเมียร์ ลีก บิ๊กแมตซ์ ที่เชลซี ได้เป็นเจ้าบ้านบ้างรับการมาเยือนของ ลิเวอร์พูล
ADVERTISING
เกมนี้ สิงห์บลูส์ ทีมอันดับสามของตารางที่ชนะ 5 เสมอ 1 จาก 6 นัดแรก มีอยู่ 16 คะแนน ไม่มี เปโดร โรดรีเกซ ปีกชาวสเปนที่มีอาการบาดเจ็บรบกวนเช่นเดียวกับ รูเบน ลอฟตัส-ชีค
แดนกลางแกร่งมากทีเดียวได้ เอ็นโกโล่ ก็องเต้, จอร์จินโญ่ และ มาเตโอ โควาซิช ลงคุมเกม
สามประสานแดนหน้าส่ง วิลเลี่ยน, โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ และ เอแด็น อาซาร์ ลงล่าตาข่ายพร้อมกัน
ทางด้าน "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ที่คว้าชัยมา 6 นัดรวดตั้งแต่ออกสตาร์ทฤดูกาล มี 18 คะแนนเต็ม ไม่มี อดัม ลัลลาน่า กับ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ที่บาดเจ็บ แต่ได้ตัว เฟอร์กิล ฟาน ไดจ์ค ปราการหลังร่างยักษ์ชาวดัตซ์ หายเจ็บกลับมาฟิตทันคุมเกมรับร่วมกับ โจ โกเมซ
เปิดเกมครึ่งแรกมาได้แค่ 5 นาที หงส์แดง ทักทายก่อนเลย จากจังหวะที่ โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ ปีกทีมชาติอียิปต์ ลากเข้าไปซัดด้วยซ้ายจากหน้าเขตโทษ แต่ เกปา อาร์รีซาบาลาก้า นายทวารชาวสเปนของเชลซี รับไว้ได้สบาย
สิบนาทีต่อมา ลิเวอร์พูล ได้ลุ้นอีกครั้ง ซาดิโอ มาเน่ ดาวเตะชาวเซเนกัล ซัดด้วยขวาจากนอกเขตโทษ บอลหลุดเสาขวาไป
เชลซี ได้โอกาสครั้งแรกในนาทีที่ 22 เมื่อ ดาวิด ลุยซ์ วางบอลข้ามแนวรับให้กับ วิลเลี่ยน หลุดเข้าไปดึงบอลงมาแล้วยิงด้วยซ้ายในกรอบเขตโทษติดเซฟของ อลีสซง เบ็คเกอร์ นายทวารชาวบราซิเลี่ยนของลิเวอร์พูล
'สเตอร์ริดจ์' สำรองกู้ชีพ!ลิเวอร์พูลรอดปาฏิหาริย์ไล่เจ๊าเชลซีท้ายเกม
ถัดมาสามนาที เชลซี เป็นฝ่ายชิงขึ้นนำก่อน 1-0 จากจังหวะที่ มาเตโอ โควาซิซ เปิดบอลจากกลางสนามทะลุช่องขึ้นหน้าให้ เอแด็น อาซาร์ สปีดพาบอลเข้าไปกดด้วยซ้ายจากทางกรอบเขตโทษด้านซ้าย บอลเสียบเสาสองเข้าไปอย่างเด็ดขาด และเป็นประตูที่ 6 ของอาซาร์ ในพรีเมียร์ ลีก ซีซั่นนี้ ขยับขึ้นมาเป็นดาวซัลโวเดี่ยวๆแล้ว
โอกาสของหงส์แดง มาอีกครั้งในนาทีที่ 32 เมื่อ มาเน่ เปิดบอลจากซ้ายให้กับ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ กระดกต่อให้กับ โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ เบียดชนะ มาร์กอส อลอนโซ่ แล้วหลบ เกปา อาร์รีซาบาลาก้า นายทวารสิงห์บลูส์ ได้สำเร็จ ก่อนยิงด้วยขวามุมแคบบอลจะเข้าประตูอยู่แล้ว แต่ อันโตนิโอ รือดิเกอร์ เซ็นเตอร์ฮาล์ฟเจ้าถิ่นตามมาสกัดบอลทิ้งได้ก่อนข้ามเส้นประตูอย่างหวุดหวิด หมดครึ่งแรก เชลซี นำก่อน 1-0
มาบู๊กันต่อในครึ่งเวลาหลังได้แค่ 2 นาที เชลซี ได้โอกาสก่อน เมื่อ วิลเลี่ยน จ่ายให้กับ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ กดด้วยซ้ายจากระยะแค่ 6 หลา หลุดเสาซ้ายไป
กระเถิบมานาทีที่ 58 หงส์แดง ได้ลุ้นบ้าง โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ กองหน้าชาวบราซิล จ่ายให้กับ ซาดิโอ มาเน่ กดด้วยขวากลางกรอบเขตโทษ แต่ เกปา อาร์รีซาบาลาก้า นายทวารเชลซี ปัดทิ้งออกหลังได้ทัน
จากนั้นนาทีที่ 64 เชลซี น่าจะได้ประตูที่สองอย่างยิ่ง เมื่อ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ เปิดฟรีคิกเร็วจากกลางสนามข้ามขึ้นหน้ามาให้ เอแด็น อาซาร์ กระชากหลุดเดี่ยวเข้ากรอบเขตโทษด้านซ้าย ก่อนปั่นด้วยขวาติดเซฟของ อลีสซง เบ็คเกอร์ นายทวารของลิเวอร์พูล ที่ออกมาปิดมุมได้ดี บอลออกหลังไป
ถัดมา 5 นาที เชลซี ได้โอกาส เมื่อ มาเตโอ โควาซิซ ซัดด้วยขวาจากนอกเขตโทษ อลีสซง เบ็คเกอร์ นายทวารหงส์แดง รับหลุด แต่ยังตามตะครุบไว้ได้
ล่วงเลยมานาทีที่ 70 ลิเวอร์พูล น่าได้ประตูตีเสมอ เมื่อ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน หลุดไปโยนจากกราบซ้ายเข้ากลาง แซร์ดาน ชากิรี่ ที่ลงมาเป็นสำรองวิ่งสอดมาชาร์จด้วยขวา โดนเหลี่ยมไม่ดี หลุดเสาขวาไปนิดเดียวเท่านั้น
สองนาทีให้หลัง โอกาสของลิเวอร์พูล มาอีกครั้ง เจมส์ มิลเนอร์ โยนจากซ้ายเข้าไปให้ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ เทคตัวขึ้นโหม่งในกรอบเขตโทษ แต่ ดาวิด ลุยซ์ ปราการหลังเชลซี ใช้ขาแหย่สกัดออกมาได้ก่อนบอลข้ามเส้นประตู
เกมสนุกทีเดียว นาทีที่ 78 อาซาร์ เปิดฟรีคิกจากทางกราบขวาให้ อัลบาโร่ โมราต้า ขึ้นโขกโดนบางไป บอลเลยหลุดเสาซ้ายออกหลัง
นาทีเดียวกันนั้น เครื่องจักรสีแดง เปลี่ยนเอา จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กัปตันทีมออกแล้วส่ง นาบี เกอีต้า ลงเล่นแทน โดยปลอกแขนกัปตันไปอยู่กับ เจมส์ มิลเนอร์ แทน
ท้ายเกมนาทีที่ 84 ลิเวอร์พูล ได้ฟรีคิก แซร์ดาน ชากิรี่ ปั่นโค้งด้วยซ้ายบอลเลี้ยวอ้อมกำแพงไปแล้ว แต่ เกปา อาร์รีซาบาลาก้า นายทวารเชลซี รับเข้าซองสบาย
'สเตอร์ริดจ์' สำรองกู้ชีพ!ลิเวอร์พูลรอดปาฏิหาริย์ไล่เจ๊าเชลซีท้ายเกม
ก่อนจบเกมแค่นาทีเดียว หงส์แดง มาได้ประตูตามตีเสมอ 1-1 จากจังหวะที่ แซร์ดาน ชากิรี่ จ่ายออกมาให้ แดเนียล สเตอร์ริดจ์ จับแล้วเล็ง ก่อนปั่นโค้งด้วยซ้ายจากนอกกรอบเขตโทษ บอลเลี้ยวเสียบมุมขวาบนเข้าประตูไปอย่างสุดสวย
เวลาที่เหลือทั้งสองทีมทำอะไรกันไม่ได้อีก จบเกมเสมอกัน 1-1 แบ่งแต้มกันไปอย่างสุดมัน ทำให้ ลิเวอร์พูล ถูกหยุดสถิติชนะ 6 นัดรวดไปแล้ว มี 19 แต้ม รั้งรองจ่าฝูง เนื่องจากประตูได้เสียเป็นรองทาง แมนฯซิตี้ จ่าฝูงทีมใหม่ ส่วน เชลซี มี 17 แต้มจาก 7 นัด อยู่อันดับ 3 ของตาราง
รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
เชลซี : เกปา อาร์รีซาบาลาก้า - เซซ่าร์ อัสปีลีกวยต้า (กัปตันทีม), อันโตนิโอ รือดิเกอร์, ดาวิด ลุยซ์, มาร์กอส อลอนโซ่ - เอ็นโกโล่ ก็องเต้, จอร์จินโญ่, มาเตโอ โควาซิช (รอสส์ บาร์คลี่ย์ น.81) - วิลเลี่ยน (วิคเตอร์ โมเสส น.73), โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ (อัลบาโร่ โมราต้า น.65), เอแด็น อาซาร์
สำรองไม่ได้ใช้ : วิลลี่ กาบาเยโร่ (ผู้รักษาประตู) - เชส ฟาเบรกาส, ดาวิเด้ ซัปปาคอสต้า, แกรี่ เคฮิลล์
ลิเวอร์พูล : อลีสซง เบ็คเกอร์ - เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, เฟอร์กิล ฟาน ไดจ์ค, โจ โกเมซ, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน - จอร์จินโย่ ไวนัลดุม, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน (นาบี เกอีต้า น.78), เจมส์ มิลเนอร์ (แดเนียล สเตอร์ริดจ์ น.86) - โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ (แซร์ดาน ชากิรี่ น.66), โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่, ซาดิโอ มาเน่
สำรองไม่ได้ใช้ : ซิมง มิโญเล่ต์ (ผู้รักษาประตู) - ฟาบินโญ่, อัลเบร์โต้ โมเรโน่, โฌแอล มาติ๊ป
ผู้ตัดสิน : อันเดร มาร์ริเนอร์