
ก่อนเกมสำคัญลิเวอร์พูลจะไปเยือนแมนฯ ซิตี้ที่เอติฮัด สเตเดียม ค่ำคืนวันพฤหัสบดีนี้ เราได้จับ เดวิด มูนีย์ (@DavidMooney) แฟนบอลแมนฯ ซิตี้จากบล็อก Blue Moon Podcast มาพูดคุยเกี่ยวกับสิ่งที่เขาคาดหวังจากเกมค่ำคืนนี้
สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปมากตั้งแต่เกมที่ทั้งสองทีมเสมอกัน 0-0 ที่แอนฟิลด์ในเดือนตุลาคมที่มีความแตกต่างเพียงประตูได้เสียก่อนเกม แต่เวลานี้ทีมของเป๊บ กวาร์ดิโอล่า ตามหลังเจอร์เก้น คล็อปป์ ที่ยังไม่แพ้ใครอยู่ 7 แต้ม และแพ้ถึง 3 จาก 4 เกมหลังสุด และพวกเขามองเกมที่ได้รับการจับตามองที่สุดในพรีเมียร์ลีก จนถึงตอนนี้ไว้อย่างไร...
นี่เป็นเกมที่แมนฯ ซิตี้จำเป็นต้องชนะใช่หรือไม่?
นี่เป็นเกมที่เป็นไปได้ว่า ใกล้เคียงกับคำว่าเกมที่ต้องชนะในช่วงเวลานี้ของฤดูกาล แฟนบอลซิตี้จะไม่กาฤดูกาลนี้ทิ้งถ้าพวกเขาไม่ได้ 3 แต้มในวันพฤหัสบดี พวกเขาเคยเห็นทีมกู้สถานการณ์จากตำแหน่งที่แย่มาแล้วในอดีต แต่มันเป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้ที่จะปฏิเสธว่า งานจะหินมาก
มันเพิ่งผ่านครึ่งฤดูกาลไปนิดเดียว ดังนั้นยังมีเกมฟุตบอลอีกมากที่ต้องลงเล่น และซิตี้มีช่วงครึ่งฤดูกาลแรกที่โชคร้ายจากการบาดเจ็บ
เหนือสิ่งอื่นใดพวกเขายังคงอยู่ในระยะที่ไล่ตามทัน เจ็ดแต้มน่าจะราวๆ นั้น ถ้าช่องว่างเพิ่มไปเป็น 10 แต้มในเกมเท่าๆ กัน มันจะเป็นคำถามที่ใหญ่อย่างแน่นอน
อะไรเป็นเหตุผลที่ทำให้ผลงานของทีมสั่นคลอนแพ้ 3 จาก 4 เกมพรีเมียร์ลีกหลังสุด?
มันผสมผสานระหว่างหลายปัจจัยสำหรับผม เริ่มจากการบาดเจ็บเหล่านี้ที่ผมพูดไปแล้ว ซิตี้ไม่เคยสักครั้งที่จะใช้งานแฟร์นานดินโญ่, ดาบิด ซิลบา และเควิน เดอ บรอยน์ แกนหลักในแดนกลางที่แข็งแกร่งที่สุดในแดนกลางพร้อมกันในฤดูกาลนี้
ในขณะที่คุณภาพส่วนอื่นๆ ของพวกเขาเช่นกัน เมื่อแกนกลางนั้นถูกทำลาย และขาดหายไป (เบนจามิน เมนดี, เซร์คิโอ อเกวโร่ และกาเบรียล เฮซุส ทุกคนต่างได้รับบาดเจ็บที่จุดต่าง ๆ ในขณะที่อีกสามคนต้องพัก) ค่อยๆ ตอกหมุดรอบฝาโลก มันไล่ตามซิตี้จนทันในระยะหลัง
ยิ่งไปกว่านั้น การที่ฟอร์มตกลงลดทอนความมั่นใจของพวกเขาเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเริ่มต้นของฤดูกาล สิ่งที่น่าตกใจก็คือ วิธีการตอนพวกเขาขึ้นนำทั้งกับคริสตัล พาเลซ และเลสเตอร์ ซิตี้ ก่อนตกเป็นฝ่ายตามหลัง และหลังจากนั้นไม่สามารถตอบกลับใดๆ ในเกม พวกเขาไร้ซึ่งความเชื่อมั่น
แฟร์นานดินโญ่สำคัญแค่ไหน? เขาไม่มีใครแทนที่ได้?
คำตอบสั้นๆ ใช่ มีคนอื่นๆ ที่สามารถรับบทกองกลางตัวคุมเกม แต่ช่วยกระตุ้นทีมได้น้อยกว่าตอนที่แฟร์นานดินโญ่ไม่ได้ลงเล่นตรงนั้น กุนโดกัน และสโตนส์ทำได้โอเค แต่เทียบไม่ได้กับสิ่งที่แฟร์นานดินโญ่มอบให้ เขาดูเหมือนสามารถดับไฟทั่วทั้งสนาม และช่วยสนับสนุนเพื่อนๆ กับการจ่ายบอลเร็วจังหวะหนึ่ง-สอง เพื่อให้มีพื้นที่สำหรับกองกลางตัวรุก
เมื่อเขาไม่ได้อยู่ในสนาม บ่อยครั้งที่เอแดร์สัน หรือแบ็กเซนเตอร์แบ็กไม่มีช่วงพักบอลเล็กๆ เพื่อผ่อนคลายจากการเพรสซิ่งของคู่แข่ง และทำให้ซิตี้ตกอยู่ภายใต้ความกดดัน เมื่อเขาอยู่ในสนาม เขามักจะหาที่ว่างเล็กน้อยตามจุดต่างๆ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการวางเกมโต้กลับ
เหตุผลอะไรที่หงส์แดงของคล็อปป์ดูจะสร้างปัญหาให้ทีมของซิตี้มากมาย?
มันเหมือนกับพายุลูกใหญ่ใช่ไหม? คล็อปป์ และกวาร์ดิโอล่ามีปรัชญาแบบที่คล้ายคลึงกัน แย่งบอลกลับมาโดยเร็ว เล่นด้วยจังหวะที่รวดเร็ว และบังคับให้คู่แข่งก่อความผิดพลาด
ผมต้องบอกว่า สไตล์ของซิตี้ช้ากว่าลิเวอร์พูลนิดหน่อย (เมื่อใดก็ตามที่ผมเห็นลิเวอร์พูลเล่นในจุดสุดยอด พวกเขาเล่นด้วยความเร็ว 1,000 เมตรต่อชั่วโมง เมื่อใดก็ตามที่ผมเห็นซิตี้ในจุดที่ดีที่สุดของพวกเขา พวกเขาจะหมุนเกียร์ไปรอบๆ และเร่งความเร็ว หรือช้าลงเท่าที่พวกเขาต้องการในการจะสร้างโอเวอร์โหลดไปทั่วสนาม) แต่นั่นเป็นเหตุผลว่า ทำไมหงส์แดงดูจะสร้างปัญหามากมายให้กับซิตี้จริงๆ
มันน่าสนใจกับวิธีที่ซิตี้เล่นที่แอนฟิลด์ในช่วงต้นฤดูกาล การรู้ว่าพวกเขาเจอปัญหาอย่างมาก เมื่อลิเวอร์พูลเร่งความเร็วขึ้น ซิตี้ดึงให้เกมช้าลง และยึดตำแหน่งที่ตายตัวมากกว่าปกติ แม้ว่ามันจะแปลว่าพวกเขาไม่สามารถเพิ่มนักเตะขึ้นในบางช่วง
กล่าวโดยย่อสไตล์ของลิเวอร์พูลได้เปรียบซิตี้จริงๆ ในขณะที่ซิตี้อาจจะมีประสิทธิภาพลดลงเมื่อปะทะกับทีมที่เล่นเหมือนกับลิเวอร์พูล มันเป็นเรื่องยากในฐานะแฟนบอลซิตี้ที่รู้วิธีรับมือกับมัน แต่ท้ายที่สุดกวาร์ดิโอล่าจะไม่เปลี่ยนแปลงมันในทั้งสองนัดของฤดูกาล
ดูเหมือนว่าลิเวอร์พูลจะมีโชคด้วยเช่นกัน ผมไม่ได้หมายถึงการไม่เคารพลิเวอร์พูล ลิเวอร์พูลตอนที่พวกเขาเอาชนะซิตี้ มักจะชนะอย่างสบายๆ ด้วยการเป็นทีมที่ดีกว่า แต่มักจะมีลูกผีจับยัด 35 หลาตุงตาข่ายเข้ามาเสมอ ไม่รู้ว่ามีประตูที่สามารถลุ้นลูกยิงยอดเยี่ยมประจำเดือนมากมายแค่ไหนที่ลิเวอร์พูลยิงซิตี้ได้ในระยะหลัง?
เป๊บตั้งใจทำอะไรที่แตกต่างไปในคราวนี้?
ต้องบอกว่ากวาร์ดิโอล่าไม่ค่อยปรับสำหรับทั้งสองเกมในฤดูกาลเดียว เขาอาจจะทำมันในครั้งนี้ เขาทำในทริปเยือนแอนฟิลด์ในช่วงต้นฤดูกาล ดังนั้นเขาอาจจะพยายามทำให้ลิเวอร์พูลช้าลงในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน
ปัญหาของเขาคือ ลิเวอร์พูลอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่มีอะไรจะเสีย ถ้าชนะอาจจะครองแชมป์ไปแบบแทบจะสมบูรณ์แบบในช่วงที่เหลือของฤดูกาล ถ้าแพ้พวกเขายังคงเป็นจ่าฝูงกับช่องว่างที่มีอยู่ ไม่มีเหตุผลที่ลิเวอร์พูลจะไม่เดินหน้า และพวกเขาเล่นในเกมตามความเร็วที่พวกเขาต้องการ
อีกครั้งที่ปัญหาใหญ่ คือ ตำแหน่งแบ็กซ้าย ซินเชนโก้คือกองกลางตัวรุกที่เล่นแบ็กซ้ายได้ง่ายๆ เพราะว่าเขาถนัดเท้าซ้าย ขณะที่เดลพ์ติดโทษแบน เมนดี้บาดเจ็บ และดานิโล่ดูไม่น่าเชื่อถือกับการยืนริมเส้น ถ้าลิเวอร์พูลสามารถเร่งขึ้นมาได้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์อาจจะมีวันที่เหนือชั้น
กับประเด็นที่ว่าตัวหลักคนใดสามารถพลิกเกม?
แน่นอนว่า ใครก็ตามที่ซิตี้พยายามจะใช้เล่นแบ็กซ้าย และซาลาห์? ผมแค่มองไม่เห็นว่าซิตี้จะทำยังไงในการเอาเขาให้อยู่กับการขาดบุคคลากรที่พร้อมสำหรับตำแหน่งนี้ ถ้าลากอายเมริก ลาปอร์ต หรือสโตนส์เข้ามาช่วยมันจะยิ่งมีพื้นที่มากขึ้น สำหรับโรแบร์โต้ เฟอร์มิโน่ และซาดิโอ มาเน่
ถ้าซิตี้สามารถทำได้ในการคุมทั้งหมด (ยังไงก็ตาม) หลังจากนั้นพวกเขาจะยังมีโอกาส แต่ผมมองไม่ออกว่าพวกเขาจะทำวิธีใดในการจัดการมัน พวกเขาอาจจะตัดการเติมเกมออกไป แต่มันจะเป็นการเคลื่อนที่ที่กล้ามากถ้าจะดวลตัวต่อตัวทั่วสนามในการเจอกับลิเวอร์พูลชุดนี้
ซิตี้จะจัดตัวอย่างไร
นี่คือทีมที่ดีที่สุดเท่าที่ผมจะเดาได้...
แม้ว่าเขาอาจจะเลือกกุนโดกันแทนอเกวโร่ และเล่นโดยไม่มีศูนย์หน้าตัวเป้า
คุณทำนายเกมนัดนี้ไว้อย่างไร?
ถ้าผมรู้สึกมองโลกในแง่ดี ผมจะบอกว่า ซิตี้จะฉวยโอกาสคว้าผลเสมอจากวิธีการเล่นของพวกเขาในระยะหลัง แต่สำหรับผมมองว่า ทีมเยือนจะชนะ 2-1