เกมบุกของลิเวอร์พูล ที่ดูจัดจ้านในยุคเจอร์เก้น คล็อปป์ มาจากการที่ "หงส์แดง" ได้ผู้เล่นอย่าง ซาดิโอ มาเน่ และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ มาร่วมทีม โดยทั้งสองคนทำหน้าที่เป็นผู้เล่นตำแหน่งปีกในตอนแรกที่ย้ายมาสวมชุด "หงส์แดง" และเป็นกำลังสำคัญนำทีมโชว์ฟอร์มสุดยอดมาตลอด

ย้อนไปก่อนหน้าที่สองคู่หูเร็วกว่านรกจะมารวมกันประจัญบาน คล็อปป์ ไปไล่ล่าคว้าตัว มาเน่ มาร่วมทีมก่อนโดยจับนักเตะเซ็นสัญญาเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2016 พร้อมจ่ายค่าเสียหายให้กับ "นักบุญ" เซาธ์แฮมป์ตัน เป็นจำนวนเงิน 34 ล้านปอนด์ (ราว 1,462 ล้านบาท) และจากวันนั้นจนถึงวันนี้เขายิงไปแล้ว 42 ประตูจากการเล่นให้ทีม 100 แมตช์ ก่อนจะได้รับเกียรติสวมเสื้อเบอร์ 10 แทน ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ที่ย้ายไปอยู่กับ บาร์เซโลน่า

ในขณะที่ โม ซาลาห์ ย้ายมามาที่หลังเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2017 โดยค่าตัวเบื้องต้นอยู่ที่ 36.9 ล้านปอนด์ (ราว 1,586 ล้านบาท) ซึ่ง "เดอะ เร้ดส์" จ่ายให้กับ โรม่า โดยสตาร์ลูกหนังทีมชาติอียิปต์ ระเบิดฟอร์มสุดยอด และจบฤดูกาลแรกที่เล่นในถิ่นแอนฟิลด์ ด้วยการตะบันไป 32 ประตู จาก 38 เกมลีก คว้ารางวัลดาวซัลโวประจำซีซั่นนั้น, รวมทั้งได้รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือนพรีเมียร์ลีก 3 ครั้ง และแข้งยอดเยี่ยมประจำเดือนของต้นสังกัด

หลังจากคว่ำ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในรอบก่อนรองชนะเลิศ ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ตามด้วยปราบ โรม่า ในรอบตัดเชือก พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับกระดูกชิ้นโต นั่นก็คือ เรอัล มาดริด ในรอบชิงชนะเลิศ โดยบทสรุปสุดท้าย "หงส์แดง" ชวดคว้าแชมป์สมัยที่ 6 ไปอย่างน่าเสียดาย

กระนั้นชัยชนะของ เรอัล มาดริด ก็ดูไม่ค่อยสง่างามมากนักเมื่อ ซาลาห์ ได้รับบาดเจ็บหนักจากการเข้าปะทะของ เซร์คิโอ รามอส จนเป็นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บหัวไหล่ และไม่สามารถช่วยทีมได้จนทำให้ คล็อปป์ จำเป็นต้องเปลี่ยนตัวออกในช่วงกลางครึ่งแรง

ในแมตช์ดังกล่าวหลายคนมองว่าหาก ซาลาห์ ยังอยู่เล่นจนครบเกม มีความเป็นไปได้ที่สถานการณ์ของ ลิเวอร์พูล อาจจะออกมาอีกแบบ แต่กระนั้นเมื่อนักเตะไม่อยู่ ผู้เล่นคนสำคัญอีกรายก็คือ มาเน่ ซึ่งดูเหมือนว่าจะโดนมองข้ามความสำเร็จไปเยอะมากๆ ทั้งๆ ที่เขาคือคนที่ยิงประตูตีเสมอให้ทีม ก่อนที่จะเกิดหายนะจากความผิดพลาดของ ลอริส คาริอุส โกล์ชาวเยอรมัน

หลังจากหายเจ็บและกลับมาช่วย "หงส์แดง" ในฤดูกาล 2018-19 โม ซาลาห์ มีช่วงต้นซีซั่นที่ไม่ค่อยดีมากนัก เพราะเขายิงได้แค่ 3 ประตูจาก 8 เกมพรีเมียร์ลีก ขณะที่ มาเน่ โชว์ฟอร์มโดดเด่นซัดไป 4 ประตูจาก 8 เกมลีก ช่วยให้ "เดอะ เร้ดส์" สตาร์ทซีซั่นด้วยการเก็บชัยชนะอย่างต่อเนื่อง ผลงานแบบนี้ทำให้ คล็อปป์ เอ่ยปากยกย่อง ดาวเตะเลือดเซเนกัล ในฐานะนักเตะที่เล่นเกมรุกได้อย่างโดดเด่นและดุดัน

ย้อนไปในเกมแชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อฤดูกาล 2017-18 มาเน่ ซัดไป 10 ประตูจาก 13 เกม ขณะที่ ซาลาห์ ตะบันไป 11 ประตูจาก 15 แมตช์ ส่วนผลงานในพรีเมียร์ลีก ดาวเตะทีมชาติเซเนกัล จบซีซั่นที่ผ่านมาด้วยการยิงไป 10 ประตู และทำ 7 แอสซิสต์จากการเล่น 29 เกม

แน่นอนว่า ซาดิโอ มาเน่ ถือว่าเป็นนักเตะที่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมกับ ลิเวอร์พูล นับตั้งแต่ที่เขาย้ายมาเล่นให้กับทีม ฉะนั้นสมควรอย่างที่สุดที่นักเตะจะได้รับเครดิตจากฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยม

สยามสปอร์ต