
ลิเวอร์พูลต้องเจอกับบททดสอบสำคัญในแมตช์รับมือ บาเยิร์น มิวนิค ที่สนามแอนฟิลด์ ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดแรก วันอังคารที่ 19 กุมภาพันธ์นี้ โดยสถานการณ์ของทีมไม่ค่อยจะโสภามากนักเมื่อนักเตะสำคัญอาจจะไม่ได้ลงสนามหลายคน
เป้าหมายของ "เดอะ เร้ดส์" ในฤดูกาลนี้คือการทำผลงานให้ดีกว่าเมื่อซีซั่นที่ผ่านมา หลังจากที่พวกเขาแพ้ เรอัล มาดริด ในรอบชิงชนะเลิศ ที่กรุงเคียฟ เมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่ผ่านมา แต่ทีมของกุนซือเจอร์เก้น คล็อปป์ ต้องเจอกับงานสุดหินในการดวลกับ "เสือใต้"
เกมนี้เจ้าบ้านจำเป็นต้องปรับแผนเนื่องจากแนวรับคนสำคัญอย่าง เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ ติดโทษแบน ขณะที่ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ อาจจะฟิตไม่ทันหลังจากที่ติดเชื้อไวรัส แต่ก็ยังมีข่าวดีที่ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน กลับมาร่วมซ้อมกับเพื่อนร่วมทีม แม้จะยังไม่ฟิตลงสนามในเวลานี้ก็ตาม
1. คล็อปป์ปวดหัวแข้งเจ็บ
สำหรับปัญหาใหญ่ใหม่ล่าสุดของ คล็อปป์ ก็คือรายชื่อนักเตะบาดเจ็บเพิ่มขึ้นอีกแล้ว แน่นอนว่าตอนนี้ โจ โกเมซ ยังคงต้องพักฟื้นร่างกายจากอาการบาดเจ็บขาหัก แต่สถานการณ์ของทีมยังต้องมาเจอข่าวที่บรรดาสาวก "เดอะ ค็อป" ไม่อยากได้ยินนั่นก็คือนักเตะสำคัญเจ็บเพิ่ม
เดยัน ลอฟเรน กับ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ยังไม่แน่ว่าจะได้ลงสนามช่วยทีมในแมตช์รับมือ บาเยิร์น มิวนิค ได้หรือไม่ หลังจากไม่ได้ปรากฎตัวที่สนามซ้อมร่วมกับเพื่อนร่วมทีม โดยในรายของแนวรับโครแอตมีปัญหาบาดเจ็บกล้ามเนื้อต้นขา และยังต้องลุ้นเรื่องสภาพความฟิต ขณะที่หัวหอกแซมบ้าติดเชื้อไวรัส
อย่างไรก็ตามในข่าวร้ายก็มีข่าวดีเช่นกันเพราะ จอร์จินโญ่ ไวจ์นัลดุม หายป่วยแล้ว และ เซอร์ดาน ชากีรี่ กลับมาลงฝึกซ้อมได้แล้วเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา หลังจากที่หายเจ็บที่บริเวณหน้าท้อง แต่กระนั้นทีมก็ยังมีปัญหานิดหน่อยตรงที่ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ ติดโทษแบน
2. ฟาบินโญ่ พร้อมเล่นกองหลัง
การที่ทีมไม่มี โกเมซ, บางที ลอฟเรน ก็อาจไม่ได้ลง และ ฟาน ไดค์ หมดสิทธ์ช่วยทีม นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ ฟาบินโญ่ จะต้องถูก คล็อปป์ จับมายืนเป็นเซนเตอร์แบ็ก
เป็นที่ทราบกันดีว่า ดาวเตะชาวบราซิเลียน ถนัดกับการเล่นมิดฟิลด์ตัวรับ แต่ขณะเดียวกันเขาก็สามารถโยกไปเล่นในตำแหน่งฟูลแบ็กได้เช่นกัน และในแมตช์นี้มีความเป็นไปได้สูงมากๆ ว่า อดีตดาวเตะโมนาโก จะได้ยืนคู่กับ โจเอล มาติป ในการหยุดความคมของ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ กับพลพรรค "เสือใต้"
3. ได้เวลาของ สเตอร์ริดจ์?
ในสถานการณ์แบบนี้ แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ อาจจะเป็นนักเตะที่ นายใหญ่ชาวเยอรมัน เลือกที่จะจับมาลงสนามหาก ฟรีมีโน่ ไม่สามารถลงเล่นตัวจริงได้ ?
หากมองจากความเป็นจริงแล้ว กองหน้าชาวอังกฤษ มักจะได้รับโอกาสจาก คล็อปป์ ในการได้ลงมาโชว์ฝีเท้าในเกมแชมเปี้ยนส์ ลีก ในฤดูกาลนี้ โดยเขาได้เล่นเป็นตัวจริง 2 เกม และตัวสำรอง 3 แมตช์ แถมยิงได้ 1 ประตูในรายการนี้ซึ่งเป็นประตูที่ซัด ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ในรอบแบ่งกลุ่ม เดือนกันยายนปีที่ผ่านมา
อดีตหัวหอก "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี ยังไม่สามารถส่งบอลเข้าไปซุกก้นตาข่ายได้อีกเลยตั้งแต่เดือนก.ย. แต่เชื่อได้เลยว่าศักยภาพของเขามีสิทธิ์ที่จะทำให้ มานูเอล นอยเออร์ นายด่านทีมชาติเยอรมนี ต้องเหนื่อยแน่นอน
4. แข้งสำคัญฟื้นตัว
เหตุผลสำคัญที่จะทำให้สาวก "เดอะ ค็อป" ยิ้มออกก็คือการได้เห็น อเล็กซ์ อ็อกซ์เลค-แชมเบอร์เลน ได้ลงมาร่วมฝึกซ้อมกับเพื่อนร่วมทีม และแสดงให้เห็นแล้วว่าอาการบาดเจ็บค่อยๆ หายดี ที่สำคัญตอนนี้นักเตะกำลังเรียกความฟิตกลับมาได้อย่างต่อเนื่อง
อดีตดาวเตะ อาร์เซ่อล ไม่ได้ลงสนามให้ "เดอะ เร้ดส์" ตั้งแต่วันที่ 24 เมษายนปีที่ผ่านมา เมื่อเขาได้รับบาดเจ็บหนักที่เอ็นหัวเข่าในแมตช์ที่ไล่ถล่ม "หมาป่าเหลืองแดง" โรม่า สกอร์ 5-2 เกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศ นัดแรก
หลังจากที่ อ็อกซ์เลค-แชมเบอร์เลน ทำผลงานได้น่าประทับใจตอนที่อยู่เก็บตัวในแค้มป์ มาร์เบย่า ในประเทศสเปน งานนี้มีความเป็นไปได้ว่านักเตะน่าจะกลับมาช่วยทีมได้เร็วๆ นี้ ฉะนั้นหากมองในเรื่องการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก นี่ถือเป็นข่าวดีมากๆ
5. มาเน่ ยิ้มระรื่น
ไม่มี ฟีร์มีโน่ ไม่มีปัญหา เพราะ ซาดิโอ มาเน่ กำลังอยู่ในช่วงท็อปฟอร์ม และการเห็นใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสของเขาในช่วงฝึกซ้อม เป็นสัญญาณที่ดีมากๆ ว่านักเตะพร้อมจะสร้างความเจ็บปวดใหักับอาคันตุกะจากเมืองเบียร์ ในเกมวันอังคารนี้
สตาร์ดังทีมชาติเซเนกัล ผลงานกำลังขึ้นหม้อโดยซัดประตูติดต่อกันในเกมลีก 4 แมตช์รวดที่พบกับ "ปราสาทเรือนแก้ว" คริสตัล พาเลซ, "เดอะ ฟ็อกซ์" เลสเตอร์ ซิตี้, "ขุนค้อน" เวสต์แฮม ยูไนเต็ด และตบท้ายด้วยบอร์นมัธ ฉะนั้นหากแมตช์นี้ ฟีร์มีโน่ ไม่ได้ลงเล่น มาเน่ ก็ยังเป็นตัวความหวังที่จะมีชื่อเป็นผู้ทำประตู