ลิเวอร์พูล ประเดิมเกมอุ่นเครื่องที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ไม่สวยนัก เมื่อโดนทีเด็ดโบรุสเซียร์ ดอร์ทมุนด์เล่นงาน เจาะเกมรับง่ายๆสามประตู ลูกทีมของเจอร์เก้น คล็อปป์ เริ่มเกมได้ไม่ดีเสียเลย เนธาเนี่ยล ไคลน์ ไม่เสียบอลที่หน้าปากประตู บอลไหลมาเข้าทาง ปาโก้ อัลกาเซร์ ยิงจ่อๆ
จากนั้นแฮร์รี่ วิลสัน ก็มายิงประตูตีเสมอ 1-1 จากการประสานงานของผู้เล่นสามคน ฟาบินโญ่ - ไรอัน เคนท์ ก่อนปิดท้ายด้วยลูกยิงของแข้งทีมชาติเวลส์ เริ่มครึ่งหลังดอร์ทมุนด์ เปลี่ยนตัวผู้เล่นหลายคน ขณะที่ลิเวอร์พูล ยังคงผู้เล่นชุดเดิมไว้ แต่แล้วก็มาเสียประตูจากจังหวะเช็คไลน์ไม่ดี โดนธอร์กกาน อาซาร์ ทำลายกับดักล้ำหน้า ก่อนที่น้องของเอแด็น จะปาดเรียดมาที่หน้าประตูให้ โธมัส เดลานี่ย์ ตัวสำรองยิงง่ายๆ
ต่อมา เกมรับฝั่งซ้ายของหงส์แดงรั่วอีกครั้งคราวนี้ โดน มาริอุส โวล์ฟ กระชากบอลแล้วเปิดเรียดมาให้ ยาค็อบ บรุน ลาร์เซ่น ยิงด้วยขวา หมดสิทธิ์ที่มิโญเล่ต์ จะป้องกัน คล็อปป์ เปลี่ยนผู้เล่นแทบจะยกชุดทันทีตัวจริงเกมชิงบอลยุโรปมาลงสนามมาเพียบ แล้วก็มาได้จุดโทษ เมื่อเบน วู้ดเบิร์น ถูกเหนี่ยวล้ม ริอาน บรูวสเตอร์ รับหน้าที่สังหาร แต่จากนั้นก็ไล่ไม่ทัน จบเกม ลิเวอร์พูล พ่ายไป 2-3 และต่อไปนี้คือ ประเด็นที่เราเห็นได้จากเกมนี้
1. เกมนี้คล็อปป์ ตัดสินเลือก ไรอัน เคนท์ และ แฮร์รี่ วิลสัน ลงเป็นตัวยืนในสามแผงหน้าโดยมีดิว็อค โอริกี้ ค้ำหน้า โดยเคนท์ มีส่วนร่วมกับเกมเยอะมาก ซึ่งประตูตีเสมอที่ได้นั้นก็มาจากไหวพริบที่เจ้าตัวปล่อยบอลลอดขาให้กับวิลสัน ทำประตู ส่วนโอริกี้ นั้นวันนี้ดูเงียบๆไปนิดนึง
2. แบ็กสองฝั่งใช้ ยาสเซอร์ ลารูชี่ เด็กหนุ่มวัย 18 ปี ส่วนขวาใช้ เนธาเนี่ยล ไคลน์ ประตูแรกที่เสียเกิดจากความผิดพลาดของอดีตแบ็กเซาธ์แฮมป์ตัน เจ้าตัวยังดูเหมือนลนๆ จับจังหวะไม่ค่อยดีเท่าไหร่
3. สำหรับ ลารูชี่ เด็กคนนี้มีทั้งความเร็วและการพาไปกับบอลที่ดีมาก ข้อเสียคือเกมรับคือต้องนิ่งกว่านี้ หลังเกมคล็อปป์ ก็ยังให้กำลังว่า "การที่เขาต้องดวลกับดาวรุ่งที่เก่งสุดในโลก(เจดอน ซานโช่) แล้วทำได้ขนาดนี้ ก็ถือว่าเก่งมากๆแล้ว"
4. ซิมง มิโญเล่ต์ ก็ยังเป็นคนเดิมที่เราไว้ใจไม่ค่อยได้ แต่อย่างว่าล่ะ แต่ละลูกที่เสียมันจ่อหน้าเขามากจริงๆ สาเหตุก็มาจากแนวรับที่หลวมเกินไป
5. อเล็กซ์ อ๊อกซ์เลด-แชมเบอร์เลย ดูมีความฟิตเยอะขึ้นมาก และมีมิติในการทำเกมบุกขึ้น
6. รูปเกม ช่วงครึ่งแรก ถือว่าเด็กๆชุดนี้สอบผ่าน สามารถครองเกมและบุกใส่ดอร์ทมุนด์ ได้เป็นระยะๆ
7. แต่สำหรับในครึ่งหลังนั้น หลังเสียประตูที่ 3 คล็อปป์ ก็เปลี่ยนตัวหลักอย่าง เฟอร์กิล ฟาน ไดค์, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน, จีนี่ ไวนัลดุม, เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ฯลฯ ลงมา รูปเกมกลับสู้ครึ่งแรกไม่ได้ ปล่อยให้ดอร์ทมุนด์ครองเกมเป็นส่วนใหญ่
8. อย่างไรก็ตาม ลิเวอร์พูลมาได้ลูกจุดโทษ มีนักเตะซีเนียร์ที่อยู่ในสนามหลายคน แต่กลายเป็นริอาน บรูวสเตอร์ รับหน้าที่สังหาร และยิงดีเสียด้วย ทำให้ประตูนี้เป็นลูกที่ 4 ของเขาใน 120 นาที ช่วงปรี-ซีซั่น
9. จังหวะที่ กองหน้าวัย 19 ปี เสียฟาวล์จนโดนใบเหลือง แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะทำประตู
10. หลังจบเกม บรูว์สเตอร์ กล่าวหลังจบเกมว่า จริงๆลูกนี้เฮนเดอร์สัน จะเป็นคนยิง แต่กัปตันหงส์แดงก็มอบหมายให้ริอาน ยิง และมันก็เพิ่มความมั่นใจให้แก่บรูว์สเตอร์
11. ฟาน ไดค์ ลงมา เกมรับของหงส์แดงดูแกร่งขึ้น ดักบอลสวยๆได้หลายครั้ง รวมถึง เดยัน ลอฟเรน ที่ลงมาก็ทำหน้าที่ได้ดีเช่นเดียวกัน
12. บทสรุปเกมนี้ มีการเป็นเรื่องเกมรับที่ให้เจอร์เก้น คล็อปป์ ต้องแก้ไข โดยเฉพาะแบ็กทั้งสองฝั่งที่เป็นอะไหล่สำรองของตัวจริง
13. ลิเวอร์พูล ยังมีเกมให้ลงเล่นที่สหรัฐฯอีกสองเกม คือเซบีย่า และ สปอร์ติง ลิสบอน ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีของบรรดาดาวรุ่งที่จะได้พิสูจน์ตัวเองกับทีมระดับท็อปของยุโรป